โกดังภาชีตอนที่ 11

อธิบดีกรมโรงงานฯ นำทีม กมธ.การอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ “โกดังภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา” เคาะเฟสแรก 6.9 ล้านบาท จัดการกากของเสีย ภายในปี 2567

You are currently viewing อธิบดีกรมโรงงานฯ นำทีม กมธ.การอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ “โกดังภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา” เคาะเฟสแรก 6.9 ล้านบาท จัดการกากของเสีย ภายในปี 2567

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00 น. นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เข้าร่วมประชุมเรื่องร้องเรียนการลักลอบทิ้งสารเคมีที่เข้าข่ายวัตถุอันตรายในพื้นที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายชูศักดิ์ แม้นทิม รองประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 2 ที่ทำการปกครองอำเภอภาชี ถนนสุวรรณศร ตำบลภาชี อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อชี้แจงข้อมูล ตอบข้อซักถาม และสนับสนุนข้อมูลด้านผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาจากการลักลอบทิ้งของเสียสารเคมีที่เกิดขึ้น พร้อมลงพื้นที่โกดังเก่าไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ จำนวน 5 หลัง ที่มีการลักลอบเก็บสารเคมีวัตถุอันตรายหลายชนิด ราว 4,000 ตัน ตั้งอยู่ ณ อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

อธิบดีกรมโรงงานฯ นำทีม กมธ.การอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่โกดังเก่าไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ ใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา
อธิบดีกรมโรงงานฯ นำทีม กมธ.การอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่โกดังเก่าไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ ใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เผยว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กำกับดูแลการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม จำแนกโรงงานเป็น 2 ประเภท ได้แก่ โรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสีย (Waste Generator: WG) และผู้รับดำเนินการ (Waste Processor: WP) ต้องขออนุญาตและดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วตามที่กฎหมายกำหนด โดย กรอ. รับผิดชอบการอนุญาตโรงงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม พื้นที่กรุงเทพมหานคร และผู้รับดำเนินการที่ไม่ใช่โรงงาน ส่วนสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดจะรับผิดชอบการอนุญาตสำหรับโรงงานตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดนั้นๆ รวมจำนวนทั้งหมดประมาณ 63,000 โรงงานทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานเพียงไม่กี่แห่งที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ก่อให้เกิดปัญหาส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม ทำลายภาพลักษณ์ของภาคอุตสาหกรรม

มีการลักลอบเก็บสารเคมีวัตถุอันตรายหลายชนิด ราว 4,000 ตัน
มีการลักลอบเก็บสารเคมีวัตถุอันตรายหลายชนิด ราว 4,000 ตัน

จากกรณีโกดังดังกล่าวที่มีการลักลอบเก็บสารเคมีวัตถุอันตรายหลายชนิดโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ ทำให้ไม่มีสภาพโรงงาน กรอ. จึงใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการยึดของเสียสารเคมีส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 และจัดการเก็บ (clean up) น้ำเสียปนเปื้อนสารเคมีที่รั่วไหลในพื้นที่โกดังและบริเวณรอบโกดัง โดยได้รับความร่วมมือจากกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายสู่แหล่งน้ำสาธารณะของชุมชน เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ตลอดจนดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเชื่อมโยงความผิดไปถึงเจ้าของกากสารเคมี ซึ่งระหว่างขั้นตอนดำเนินคดี กฎหมายกำหนดให้เจ้าของโกดังในฐานะผู้ครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาตจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเบื้องต้น กรอ. จึงออกคำสั่งให้เจ้าของโกดังนำของเสียอันตรายทั้งหมดออกไปกำจัดบำบัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และให้สั่งฟ้องดำเนินคดีต่อเจ้าของกากสารเคมีต่อไป ทั้งนี้ เจ้าของโกดังไม่สามารถดำเนินการกำจัดบำบัดตามคำสั่งในเวลาที่กำหนดได้ ทำให้ภาครัฐต้องเข้าดำเนินการแทน

เจ้าของโกดังไม่สามารถดำเนินการกำจัดบำบัดตามคำสั่งในเวลาที่กำหนดได้ ทำให้ภาครัฐต้องเข้าดำเนินการแทน
เจ้าของโกดังไม่สามารถดำเนินการกำจัดบำบัดตามคำสั่งในเวลาที่กำหนดได้ ทำให้ภาครัฐต้องเข้าดำเนินการแทน

ด้านความคืบหน้าการดำเนินการ กรอ. จัดทำคำของบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 ได้รับการอนุมัติจำนวน 6,900,000 บาท ซึ่งจะนำมาใช้ในการนำของเสียสารเคมีดังกล่าวออกไปกำจัดบำบัด เฟสแรกดำเนินการในส่วนที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน ให้แล้วเสร็จภายในปี 2567 ควบคู่การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อกำจัดบำบัดของเสียสารเคมีทั้งหมดในระยะถัดไป คาดว่าต้องใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนก็บูรณาการความร่วมมือแก้ไขปัญหา และป้องกันเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งกำหนดมาตรการดูแลความช่วยเหลือให้แก่ประชาชน

กรอ. จัดทำคำของบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 ได้รับการอนุมัติ 6.9 ล้านบาท นำมาใช้ในการนำของเสียสารเคมีออกไปกำจัดบำบัด เฟสแรกดำเนินการในส่วนที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน
กรอ. จัดทำคำของบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 ได้รับการอนุมัติ 6.9 ล้านบาท นำมาใช้ในการนำของเสียสารเคมีออกไปกำจัดบำบัด เฟสแรกดำเนินการในส่วนที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน

“ปัญหาเหล่านี้ต้องเร่งแก้ไข ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทุกนาที ภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ขั้นตอนการดำเนินการต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับทางกฎหมาย ซึ่ง กรอ. พยายามเดินหน้าแก้ไขอย่างเข้มข้น อาทิ ขอจัดตั้งกองทุนอุตสาหกรรม สำหรับเป็นงบประมาณที่พร้อมดำเนินการได้ทันท่วงที ในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยที่เกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งเพิ่มบทลงโทษทางกฎหมายให้เกิดความเกรงกลัวต่อการกระทำความผิดยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลักษณะเช่นเดียวกันนี้ในพื้นที่อื่น มุ่งการรักษาวิถีชีวิต สร้างความเชื่อมั่นแก่การลงทุน ส่งเสริมพัฒนาชุมชน และเกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศอย่างยั่งยืน” นายจุลพงษ์ กล่าว

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนบูรณาการความร่วมมือแก้ไขปัญหา
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนบูรณาการความร่วมมือแก้ไขปัญหา

สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมประชุมหารือและลงพื้นที่ในครั้งนี้ ประกอบด้วย นางจินดา เตชะศรินทร์ ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม นายประสม ดำรงพงษ์ ผู้อำนวยการกองวิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงาน นายเอกบุตร อุตมพงศ์ รักษาการนักวิทยาศาสตร์เชี่ยวชาญ กองส่งเสริมเทคโนโลยีความปลอดภัยโรงงาน เจ้าหน้าที่กองกฎหมาย เจ้าหน้าที่กองพัฒนาระบบมาตรฐานงานกำกับโรงงาน เจ้าหน้าที่กองบริการงานอนุญาตโรงงาน 1 กรอ. พร้อมด้วย คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ร่วมด้วย นายกกชัย ฉายรัศมีกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายธีระ แก้วพิมล อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พลตำรวจตรี วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นางสาวผานิต รัตสุข ผู้อำนวยการกองตรวจมลพิษ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) นางสาวอภิสรา เกษอินทร์ นายอำเภอภาชี นายแพทย์ ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายสเกน จันทร์ผดุงสุข นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลภาชี เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่มูลนิธิบูรณะนิเวศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

การประชุมเรื่องร้องเรียนการลักลอบทิ้งสารเคมีที่เข้าข่ายวัตถุอันตรายในพื้นที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
การประชุมเรื่องร้องเรียนการลักลอบทิ้งสารเคมีที่เข้าข่ายวัตถุอันตรายในพื้นที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นายชูศักดิ์ แม้นทิม รองประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธานการประชุม
นายชูศักดิ์ แม้นทิม รองประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธานการประชุม
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม
หน่วยงานภาครัฐ
หน่วยงานภาครัฐ
คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร
คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร

#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา #พระราชบัญญัติโรงงาน #พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย #กากอุตสาหกรรม #ของเสียอันตราย #โกดังภาชี #คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม

Credit : https://www.diw.go.th/webdiw/pr67-063/